หลายคนอาจมองว่าการใช้กระดาษเป็นตัวสร้างมลพิษ และทำลายป่า เพราะกระดาษผลิตจากต้นไม้ ไหนจะต้องใช้พลังงานมหาศาลในการย่อย และบดต้นไม้ ใช้ความร้อนในการต้ม ใช้สารเคมี และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าจะมาเป็นกระดาษขาวสะอาดให้เราใช้ ยิ่งพวกปฏิทิน หนังสือรายงานประจำปี และเอกสารบางอย่างที่มีอายุใช้งานเพียงปีเดียว ทำให้เกิดคำถามว่า เราใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่าหรือยัง และหนึ่งในความพยายามที่จะช่วยลดปริมาณการตัดต้นไม้คือ "อีโคไฟเบอร์"
อีโคไฟเบอร์ (Eco-Fiber) คือเยื่อกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเกิดขึ้นจากการใช้เศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วนำกลับมาหมุนเวียนใหม่ (Recycled fiber) ผสมกับเศษวัสดุการเกษตรเหลือใช้ เช่น กากอ้อยจากอุตสาหกรรมน้ำตาล ฟางข้าว หรือมันสำปะหลัง ที่นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด ต่อด้วยกระบวนการผลิต จนได้เยื่อที่เรียกว่า Agro Waste Fiber เมื่อนำเยื่อทั้งสองชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน และต่อด้วยการนำไปผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ก็จะออกมาเป็นอีโคไฟเบอร์ (Eco-Fiber) กระดาษที่สะอาดและมีคุณภาพ เพื่อใช้ในการผลิตสื่อต่างๆ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีคุณภาพดีขึ้น นับเป็นการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง
การผลิตอีโคไฟเบอร์ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากวัสดุใช้แล้ว และวัสดุทางการเกษตร ย่อมมีการปนเปื้อน ทั้งหมึกพิมพ์หรือเขียน ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ ต้องมีการกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกให้หมด เพื่อให้อีโคไฟเบอร์ที่ได้มีความขาวสะอาดไม่ต่างจากเยื่อใหม่ ไม่เหมือนกระดาษรีไซเคิลยุคแรกที่มักเป็นกระดาษสีน้ำตาล ยุ่ยๆ เนื้อไม่เรียบเนียน พิมพ์แล้วซึมเลอะอีกต่อไป
นอกจากจะต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพเยื่อให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้อีโคไฟเบอร์มีความเหนียว คงทน สามารถดูดซับหมึกพิมพ์ได้ดี ไม่เลอะ และมีคุณภาพตามต้องการแล้ว การผลิตเยื่อกระดาษใหม่จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือใช้แล้วนั้น ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพทางหนึ่ง และให้ประโยชน์ต่อโลกในหลายๆ ด้าน ถ้านับให้ดี เราจะเห็นประโยชน์ถึง 3 ต่อทีเดียว คือ
- ต่อแรก คือ การนำกระดาษใช้แล้วมารีไซเคิลช่วยลดปริมาณขยะและมลภาวะ เคยมีการศึกษาว่ากระดาษที่เราทิ้งในสิ่งแวดล้อมนั้นต้องอาศัยเวลา 2-5 เดือนจึงจะย่อยสลายได้ แต่เมื่อเรานำมาทำเยื่อรีไซเคิล ปริมาณกระดาษหรือขยะที่ถูกปล่อยให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ หรือถูกเผาก็จะลดน้อยลง ขณะเดียวกันเศษจากผลผลิตทางการเกษตร เมื่อนำมาใช้ผลิตอีโคไฟเบอร์ก็ช่วยลดขยะได้มากเช่นกัน
ต่อที่สอง คือ ทำให้เราใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการนำของเหลือใช้จากภาคเกษตรหรือกระดาษที่ใช้แล้วมารีไซเคิล ซึ่งหมายถึง เราตัดต้นไม้ครั้งเดียวแต่สามารถนำมาใช้ได้หลายครั้ง ที่สำคัญคือช่วยเปลี่ยนทัศนคติให้คนหันมามองว่า ของทุกอย่างจากธรรมชาติมีค่าทั้งสิ้น ไม่ควรปล่อยให้เปล่าประโยชน์ นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะแล้วยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษขยะจากการเกษตรและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรด้วย
ต่อที่สาม ซึ่งสำคัญมากต่อสิ่งแวดล้อมคือ ช่วยรักษาต้นไม้ เพราะเยื่อกระดาษอีโคไฟเบอร์ 1 ตัน ช่วยเรารักษาต้นไม้ได้ถึง 5 ตัน แม้จะเป็นต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำกระดาษโดยเฉพาะไม่ใช่ต้นไม้จากป่าที่เป็นต้นน้ำก็ตาม ต้นไม้ที่ถูกรักษาไว้นี้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกขณะเดียวกันต้นไม้ก็เพิ่มออกซิเจน รักษาความชื้น ความสมดุลและระบบนิเวศตามธรรมชาติได้อีกด้วย
นอกจากนี้ การผลิตกระดาษจากเยื่อรีไซเคิลสามารถลดพลังงานและทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตได้มาก ทั้งกระแสไฟฟ้าซึ่งจะลดลงได้ประมาณ 1,000 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ขณะที่การทำเยื่อใหม่ใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตจะลดลงเพียงนำกระดาษรีไซเคิลมาต้มด้วยความร้อนที่ไม่ต้องสูง หรือไม่ต้องต้มนานเหมือนตอนต้มต้นไม้ใหม่ เราจึงสามารถลดปริมาณน้ำมันเตา ลดการใช้น้ำ ลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารฟอกสี ทั้งยังช่วยลดการนำเข้ากระดาษจากต่างประเทศ ลดขยะกระดาษ และลดค่ากำจัดขยะได้อีกมาก
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่าการผลิตอีโคไฟเบอร์ย่อมต้องมีต้นทุนที่สูงกว่าการผลิตกระดาษปกติ เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้มีความก้าวหน้ากว่า แต่นั่นก็เป็นแค่ต้นทุนในแง่ของตัวเลข แต่หากพิจารณาต้นทุนในเชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบ จะพบว่าคุ้มค่ากว่าในระยะยาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น