วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดีไซน์รีไซเคิลกระดาษลดโลกร้อน

ดีไซน์รีไซเคิลกระดาษลดโลกร้อน

โครงการขบวนการกระดาษหน้าเดียว ภายใต้มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ร่วมกับ Mor Mor Creative Forum ขอเชิญชมนิทรรศการ Paper Ranger ตอน "กระดาษจอมป่วน" วันที่ 20 กันยายน-12 ตุลาคม 2550 ที่อินดัสเทรียล ดีไซน์ แกลเลอรี ภาควิชาการออกแบบอุตสากรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อยู่นอกรั้วจุฬาฯ ติดป้ายรถเมล์หน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา)


ในวันเปิดนิทรรศการ 20 ก.ย.นี้ เวลา 17.30 น. ผศ.โสมภาณี ศรีสุวรรณ หัวหน้าภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม จุฬาฯ จะเป็นประธานเปิดงาน เชิญผู้สนใจพบกับ "ฮีโร่ พิทักษ์กระดาษ" เรื่องราวของกระดาษจอมป่วน ชีวิตภาคต่อของต้นยูคาลิปตัส วิกฤตการณ์กระดาษในปัจจุบัน ผลงานการประกวดจากโครงการออกแบบเปเปอร์เรนเจอร์ : จากไอเดียนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ แปรสภาพกระดาษใช้แล้วเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายในงานยังมีสมุดจากขบวนการหน้าเดียว จัดจำหน่ายราคาถูก รายได้สนับสนุนโครงการขบวนการกระดาษหน้าเดียว (Paper Ranger) 

ก่อนหน้านี้ ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชักชวนนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และผู้ที่สนใจร่วมฟังแลกเปลี่ยนความรู้และไอเดียใหม่ๆ เกี่ยวกับโลกร้อน การออกแบบ และทรัพยากรโลก

ฐิตินันท์ ศรีสถิต ผู้เขียนหนังสือ "โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราทำ เปลี่ยนแปลงโลกเสมอ" มูลนิธิโลกสีเขียว กล่าวว่า กระดาษที่รีไซเคิลได้ต้องสะอาด ไม่เปื้อนน้ำมัน เป็นกระดาษแผ่นใหญ่ ไม่ถูกฉีกหรือเยื่อกระดาษขาด กระดาษที่ผสมพลาสติกหรือเคลือบมันจะรีไซเคิลไม่ได้ สำหรับงานสื่อสารมวลชนด้านนิตยสารเป็นกระบวนการที่ใช้กระดาษเยอะ ตั้งแต่ต้นฉบับ ปรู๊ฟตรวจตัวหนังสือ นิตยสาร 1 เล่ม ใช้กระดาษ 3-4 เท่าจากที่เราเห็น และยังมีกระดาษที่ใช้ในงานสำนักงานอื่นๆ อีก จึงพยายามแยกกระดาษแต่ละชนิดที่ใช้ได้ นี่สำหรับใช้สองหน้า อันนี้สำหรับแปะข่าวหรืออื่นๆ ในบางประเทศใช้วิธีอัดกระดาษหนาๆ เอาม้วนกระดาษเป็นรอบแกนดินสอ เป็นต้น ตัวอย่างชุมชนรีไซเคิลที่เราเคยเห็น คือโรงเรียนรุ่งอรุณ ซึ่งจัดการเรื่องขยะได้ดีมาก 


ชัยพร อินทุวิศาลกุล หรือพี่จ๊อก เจ้าของโรงพิมพ์ภาพพิมพ์ ผู้อยู่เบื้องหลังสมุด Paper Ranger กล่าวว่า ในเชิงการรีไซเคิลของโรงพิมพ์ เราทำได้อยู่แล้วด้วยการวางแผนก่อนนำไปใช้งาน พวกกระดาษสำหรับพิมพ์ กระดาษปรู๊ฟ ตอนนี้มีความคิดเพิ่มว่าจะใช้กระดาษห่อกระดาษมาทำอะไรต่อ เพราะมันเป็นกระดาษดีมีคุณสมบัติกันความชื้น ทนทาน

คนออกแบบช่วยโรงพิมพ์ประหยัดได้หลายทาง คือ ออกแบบสิ่งพิมพ์ให้สามารถนำไปรีไซเคิลต่อไปได้ เช่น ไม่ควรใช้สีสะท้อนแสง ไม่ใช้ฟอยล์ ไม่เคลือบมัน เพราะทำให้นำไปเข้ากระบวนการผลิตกระดาษรีไซเคิลไม่ได้ เวลาออกแบบพยายามเลือกขนาดของหนังสือที่ไม่ใหญ่ผิดปกติ เพราะมันจะเสียเศษเยอะ ออกแบบการจัดหน้าให้ประหยัดขอบกระดาษ ปกติหน้าเปิดเป็นขวา ก็เปลี่ยนเป็นหน้าซ้าย ประหยัดความหนากระดาษ หรือเลือกใช้สีหมึกธรรมชาติ แต่ปัญหาคือในระบบเศรษฐกิจทุกวันนี้ต้องการความโดดเด่น ฉีกแนว ต้องการความหรูหรา ความสวยงาม มากกว่าคิดเรื่องสิ่งแวดล้อม

ดร.สิงห์ อินทรชูโต อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เจ้าของบริษัท osisu (www.osisu.com) กล่าวว่า คนอาจมองว่าสถาปนิกเป็นผู้สร้าง แต่จริงๆ เราก็เป็นนักทำลายด้วย มองง่ายๆ อย่างห้องนี้ เราใช้แอร์อย่างน้อย 3 เครื่องใหญ่ๆ ไฟ ตัวตึก แต่ในฐานะนักวิจัยต้องมองว่าจะทำอย่างไรให้มีสิ่งที่ทิ้งน้อยลง ต้องมีทางออก นักออกแบบทำอะไรได้ อย่างบริษัท osisu เริ่มนำเศษของจากสิ่งก่อสร้าง โรงงานต่างๆ มาออกแบบโดยเน้นการออกแบบที่สวยงาม เช่น เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ของใช้ ถุง สมุด กระเป๋า แม้แต่เศษกระดาษฝอยจากกระดาษสำนักงานก็นำเอามาใส่ถุงเพื่อรักษารูปร่างของงานออกแบบ

10 วิธี ประหยัดกระดาษ อย่างสร้างสรรค์


10 วิธี ประหยัดกระดาษ อย่างสร้างสรรค์

tree.paper.jpg
กระดาษ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันไม่ว่าจะเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษสมุด หรือกระดาษทิชชู และอื่นๆ คุณรู้หรือไม่ว่ากระดาษเหล่านี้สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ และคุณยังสามารถช่วยกันประหยัดกระดาษเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีได้อีกด้วย
1.  ใช้กระดาษให้ครบ 2 หน้า เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

2. เลือกกระดาษรีไซเคิลหรือกระดาษที่มีส่วนผสมของเยี่อ Ecofiber เพื่อช่วยลดมลภาวะ

3. กระดาษห่อของขวัญเหลือใช้อย่าทิ้ง นำมาทำการ์ดทำมือเก๋ๆ ดีกว่า

4. กระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาพับถุงกระดาษ ทำเปเปอร์มาเช่ หรือใช้เช็ดกระจกก็สะอาด

5. ไม่รับสลิปทุกครั้งที่กด ATM

6. กระดาษปรินต์แล้วทั้งสองด้าน สามารถบริจาคทำเป็นกระดาษหน้าที่ 3 สำหรับคนตาบอดใช้เขียนอักษรเบรลล์

7. อ่านเอกสารแล้วส่งต่อกันในสำนักงาน แทนการถ่ายสำเนาหลายๆ ชุด

8. ทำถังสำหรับทิ้งขยะกระดาษโดยเฉพาะ เพื่อนำไปแปรรูป กลับมาใช้ใหม่

9. พกผ้าเช็ดหน้า แทนกระดาษทิชชู


10. ส่งข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ลดการใช้กระดาษ และพลังงานในการผลิตได้มาก


ที่มา www.Green.in.th

กระดาษทำหนังสือมาจากไหน

ในฐานะที่เราเสพและเขียนหนังสือมามากมาย รู้กันบ้างหรือไม่ว่า กว่าจะเป็นหนังสือสักเล่มให้เราอ่าน ต้องผ่านกระบวนการกี่ขั้นตอน และต้องใช้พลังงาน การเดินทางยาวไกลสักเท่าไรกว่าจะได้เป็นหนังสือเล่มหนึ่งๆ

ผมจะนำเพื่อนๆทุกคนให้รู้ตั้งแต่กระบวนการแรกเริ่มของหนังสือครับ
"กระดาษ"

"กระดาษ" เป็นหนึ่งในสี่สิ่งประดิษฐ์ที่ชาวจีนภาคภูมิใจ ไฉ่หลุน ปราชญ์ชาวจีนได้ผลิตกระดาษในรูปแบบคล้ายคลึงกับปัจจุบัน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนต้นราวคริสตศตวรรษที่ 2 จากเยื่อไผ่ เศษหนังสัตว์ และกาว แช่น้ำให้เละผสมกันแล้วเกลี่ยบนผืนตาข่ายกรองน้ำออก ตากให้แห้งจนกลายเป็นกระดาษ


ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตเยื่อกระดาษคุณภาพดี จากสวนป่าไผ่และยูคาลิปตัสจากผู้ผลิตกระดาษ 54 ราย(ข้อมูลปี 2550) ผลิตกระดาษได้ปีละ 5.2 ล้านตัน สามารถส่งออกเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท โดยคนไทยใช้กระดาษเฉลี่ยคนละ 56 กิโลกรัม/คน/ปี บริษัทขนาดใหญ่ที่ผลิตกระดาษในไทย เช่น บริษัทอุตสาหกรรมกระดาษคราฟต์ จำกัด ในเครือ SCG บริษัทกระดาษดับเบิลเอ บริษัทเยื่อกระดาษไทย บริษัทฟินิกซ์พัลพ์แอนด์เปเปอร์ จำกัด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังต้องนำเข้ากระดาษเกรดพรีเมียม และกระดาษเกรดหนังสือพิมพ์(กระดาษปรู๊ฟ) จากต่างประเทศ โดยนำเข้าจากประเทศฟินแลนด์, สวีเดน และเดนมาร์ก เพื่อตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์เพิ่มเติม

ขั้นตอนการผลิตกระดาษในอุตสาหกรรมกระดาษยุคใหม่ เริ่มต้นจากการตัดไม้วัตถุดิบจากสวนป่าที่ปลูกไว้เพื่อทำกระดาษโดยเฉพาะ ในประเทศไทยการผลิตกระดาษมีวัตถุดิบมาจากต้นยูคาลิปตัสซึ่งทางบริษัทผลิตกระดาษสนับสนุนให้มีการปลูกทั่วไปในเขตภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เมื่อตัดไม้มารวมกันแล้ว ไม้เหล่านั้นก็จะถูกซอยย่อยให้เป็นเยื่อไม้ ก่อนจะถูกคลุกเคล้าลงไปในน้ำกรดปริมาณมหาศาล ย่อยให้เป็นเยื่อกระดาษ(Pulp) ผสมสารเคมีต่างๆเช่น สารฟอกขาว สารกันเสีย สารฆ่าเชื้อ ลงไป ก่อนที่จะถูกรีดน้ำออกและอบร้อนให้เป็นม้วนใหญ่ๆ



โรงงานกระดาษที่สำคัญของไทยตั้งอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น(ฟินิกซ์พัลพ์แอนเปเปอร์ น้ำพอง), ปราจีนบุรี(ดับเบิลเอ) และมาบตาพุด ระยอง(SCG paper) ส่วนกระดาษนำเข้านั้น ได้มาจากสวนป่าสนในประเทศฟินแลนด์ สวีเดน และนอร์เวย์ และบางส่วนจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน

กระดาษที่ใช่ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะหนังสือ แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้

1. กระดาษปรู๊ฟหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ - ใช้ในหนังสือพิมพ์และสิ่งตีพิมพ์ที่ไม่ต้องการคุณภาพมาก เช่น ใบปลิว แผ่นพับ เป็นกระดาษสีน้ำตาลอ่อน มีลิกนินเหลืออยู่มาก ไม่มีการฟอกขาว ราคาต่ำ อาจมาจากการรีไซเคิลได้ แต่ต้องซื้อในปริมาณมาก ประเทศไทยผลิตกระดาษปรู๊ฟเองไม่ได้ ปัจจุบันไทยนำเข้ากระดาษปรู๊ฟจากสวีเดนและจีน

2. กระดาษปอนด์ - เป็นกระดาษที่ใช้พิมพ์เนื้อในของหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค เนื้อกระดาษนุ่ม เป็นสีขาวหรือสีเหลืองนวล(กระดาษกรีนรี้ด) ประเทศไทยผลิตกระดาษชนิดนี้ได้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและส่งออก กระดาษปอนด์มีความหนาแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน เช่น เป็นกระดาษถ่ายเอกสาร, กระดาษหนังสือ, โดยมากจะหนาตั้งแต่ 70-100 แกรม

3. กระดาษอาร์ต - คือกระดาษที่ใช้ในสิ่งพิมพ์ นิตยสารทั่วไป โดยมากจะอาบมันหรือเคลือบผิว(Coated paper) ใช้ในการพิมพ์สอดสี พิมพ์ปก ซึ่งกระดาษระดับพรีเมียมคุณภาพสูงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าบริษัทกระดาษในประเทศกำลังพัฒนาการผลิตแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เมื่อเราได้กระดาษเป็นม้วนๆ จากโรงงานกระดาษออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปของการทำหนังสือก็จะเข้าสู่ "กระบวนการพิมพ์" ใน โรงพิมพ์

EcoFiber



หลายคนอาจมองว่าการใช้กระดาษเป็นตัวสร้างมลพิษ และทำลายป่า เพราะกระดาษผลิตจากต้นไม้ ไหนจะต้องใช้พลังงานมหาศาลในการย่อย และบดต้นไม้ ใช้ความร้อนในการต้ม ใช้สารเคมี และอื่นๆ อีกมากมาย กว่าจะมาเป็นกระดาษขาวสะอาดให้เราใช้ ยิ่งพวกปฏิทิน หนังสือรายงานประจำปี และเอกสารบางอย่างที่มีอายุใช้งานเพียงปีเดียว ทำให้เกิดคำถามว่า เราใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่าหรือยัง และหนึ่งในความพยายามที่จะช่วยลดปริมาณการตัดต้นไม้คือ "อีโคไฟเบอร์"




อีโคไฟเบอร์ (Eco-Fiber)
คือเยื่อกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเกิดขึ้นจากการใช้เศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วนำกลับมาหมุนเวียนใหม่ (Recycled fiber) ผสมกับเศษวัสดุการเกษตรเหลือใช้ เช่น กากอ้อยจากอุตสาหกรรมน้ำตาล ฟางข้าว หรือมันสำปะหลัง ที่นำมาผ่านกระบวนการทำความสะอาด ต่อด้วยกระบวนการผลิต จนได้เยื่อที่เรียกว่า Agro Waste Fiber เมื่อนำเยื่อทั้งสองชนิดมาผสมเข้าด้วยกัน และต่อด้วยการนำไปผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ก็จะออกมาเป็นอีโคไฟเบอร์ (Eco-Fiber) กระดาษที่สะอาดและมีคุณภาพ เพื่อใช้ในการผลิตสื่อต่างๆ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีคุณภาพดีขึ้น นับเป็นการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีอีกรูปแบบหนึ่ง



การผลิตอีโคไฟเบอร์ต้องอาศัยเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากวัสดุใช้แล้ว และวัสดุทางการเกษตร ย่อมมีการปนเปื้อน ทั้งหมึกพิมพ์หรือเขียน ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ ต้องมีการกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกให้หมด เพื่อให้อีโคไฟเบอร์ที่ได้มีความขาวสะอาดไม่ต่างจากเยื่อใหม่ ไม่เหมือนกระดาษรีไซเคิลยุคแรกที่มักเป็นกระดาษสีน้ำตาล ยุ่ยๆ เนื้อไม่เรียบเนียน พิมพ์แล้วซึมเลอะอีกต่อไป



นอกจากจะต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพเยื่อให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้อีโคไฟเบอร์มีความเหนียว คงทน สามารถดูดซับหมึกพิมพ์ได้ดี ไม่เลอะ และมีคุณภาพตามต้องการแล้ว การผลิตเยื่อกระดาษใหม่จากวัสดุเหลือทิ้ง หรือใช้แล้วนั้น ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพทางหนึ่ง และให้ประโยชน์ต่อโลกในหลายๆ ด้าน ถ้านับให้ดี เราจะเห็นประโยชน์ถึง 3 ต่อทีเดียว คือ




     ต่อแรก คือ การนำกระดาษใช้แล้วมารีไซเคิลช่วยลดปริมาณขยะและมลภาวะ เคยมีการศึกษาว่ากระดาษที่เราทิ้งในสิ่งแวดล้อมนั้นต้องอาศัยเวลา 2-5 เดือนจึงจะย่อยสลายได้ แต่เมื่อเรานำมาทำเยื่อรีไซเคิล ปริมาณกระดาษหรือขยะที่ถูกปล่อยให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติ หรือถูกเผาก็จะลดน้อยลง ขณะเดียวกันเศษจากผลผลิตทางการเกษตร เมื่อนำมาใช้ผลิตอีโคไฟเบอร์ก็ช่วยลดขยะได้มากเช่นกัน  ต่อที่สอง คือ ทำให้เราใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการนำของเหลือใช้จากภาคเกษตรหรือกระดาษที่ใช้แล้วมารีไซเคิล ซึ่งหมายถึง เราตัดต้นไม้ครั้งเดียวแต่สามารถนำมาใช้ได้หลายครั้ง ที่สำคัญคือช่วยเปลี่ยนทัศนคติให้คนหันมามองว่า ของทุกอย่างจากธรรมชาติมีค่าทั้งสิ้น ไม่ควรปล่อยให้เปล่าประโยชน์ นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะแล้วยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษขยะจากการเกษตรและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรด้วย  ต่อที่สาม ซึ่งสำคัญมากต่อสิ่งแวดล้อมคือ ช่วยรักษาต้นไม้ เพราะเยื่อกระดาษอีโคไฟเบอร์ 1 ตัน ช่วยเรารักษาต้นไม้ได้ถึง 5 ตัน แม้จะเป็นต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำกระดาษโดยเฉพาะไม่ใช่ต้นไม้จากป่าที่เป็นต้นน้ำก็ตาม ต้นไม้ที่ถูกรักษาไว้นี้จะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกขณะเดียวกันต้นไม้ก็เพิ่มออกซิเจน รักษาความชื้น ความสมดุลและระบบนิเวศตามธรรมชาติได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การผลิตกระดาษจากเยื่อรีไซเคิลสามารถลดพลังงานและทรัพยากรที่ใช้ในการผลิตได้มาก ทั้งกระแสไฟฟ้าซึ่งจะลดลงได้ประมาณ 1,000 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ขณะที่การทำเยื่อใหม่ใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ย 4,100 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เนื่องจากขั้นตอนในการผลิตจะลดลงเพียงนำกระดาษรีไซเคิลมาต้มด้วยความร้อนที่ไม่ต้องสูง หรือไม่ต้องต้มนานเหมือนตอนต้มต้นไม้ใหม่ เราจึงสามารถลดปริมาณน้ำมันเตา ลดการใช้น้ำ ลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารฟอกสี ทั้งยังช่วยลดการนำเข้ากระดาษจากต่างประเทศ ลดขยะกระดาษ และลดค่ากำจัดขยะได้อีกมาก



จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่าการผลิตอีโคไฟเบอร์ย่อมต้องมีต้นทุนที่สูงกว่าการผลิตกระดาษปกติ เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้มีความก้าวหน้ากว่า แต่นั่นก็เป็นแค่ต้นทุนในแง่ของตัวเลข แต่หากพิจารณาต้นทุนในเชิงสังคม สิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบ จะพบว่าคุ้มค่ากว่าในระยะยาว



ช่วยโลกร้อน ตอนว่าด้วยเรื่องกระดาษ



แม้ว่าจะหมดช่วงฤดูร้อนไปแล้ว แต่โลกเราก็ยังร้อนอยู่ เพราะพวกเรานี่ล่ะที่ทำร้ายโลกมานานแสนนานเหลือเกิน หลาย ๆ คนที่ช่วยกันรักษาโลกของเราไม่ให้ร้อนมากขึ้น ก็ต้องขอชื่นชมนะคะ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน วันนี้เรามีวิธีช่วยลดโลกร้อนมาฝากอีกแล้วค่ะ

วันนี้เราจะว่าด้วยเรื่องกระดาษล้วน ๆ เลยนะ อย่างแรกที่เบสิคมาก ๆ นั่นคือการใช้กระดาษให้คุ้มทั้งข้างหน้าและข้างหลัง วิธีนศ.สามารถนำไปใช้ได้ดียิ่ง นั่นคือ เอกสารประกอบการเรียนในเทอมที่แล้ว อย่าทิ้ง ส่วนไหนที่อาจารย์ซีรอกซ์มาให้เพียงหน้าเดียว อีกหน้าก็นำมาใช้จดเล็กเชอร์เทอมต่อไปได้ แถมยังได้ทบทวนความรู้เทอมก่อน ๆ ด้วย


ถ้าไม่จำเป็นอย่าซีรอกซ์ ใช้วิธีพกสมุดจดอันเล็ก ๆ แทน เมื่ออยากได้ข้อมูลไหนก็จดเอา ถือเป็นการอ่านรอบหนึ่งด้วย จะได้จำได้แม่น ๆ
 

หนังสือหรือนิตยสารที่ไม่ใช้แล้วก็ชั่งกิโลขายให้เขาเอาไปรีไซเคิลซะ หรือจะบริจาคให้น้อง ๆ ในโรงเรียนต่างจังหวัดก็ได้ ถือเป็นการช่วยให้น้อง ๆ มีหนังสือมาให้ฝึกอ่านเพิ่มขึ้น

ซองจดหมายต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ์ดต่าง ๆ หรือว่าซองจดหมายเรียกเก็บเงิน อย่างเช่นค่าโทรศัพท์ ก็หาอะไรมาหนีบรวมกันไว้ ใช้เป็นกระดาษบันทึกความได้ 


กระดาษหนังสือพิมพ์มีประโยชน์ใช้เช็ดกระจกได้ เก็บไว้อย่าทิ้ง หรือจะรวบรวมเอากระดาษต่าง ๆ ที่เหลือใช้ไปทำงานฝีมือ อย่างงานเปเปอร์มาเช่ได้ ลองติดต่อโรงเรียนแถว ๆ บ้านว่าทางโรงเรียนมีแผนการสอนที่ต้องใช้กระดาษในการประดิษฐ์หรือไม่ ถ้ามีก็อาสาเอาไปให้เสียเลย เด็ก ๆ จะได้ไม่เสียเวลาไปหาซื้อเพิ่ม


รณรงค์ให้ตามโรงเรียนต่าง ๆ หันมาสอนให้เด็กทำงานฝีมือที่นำเอากระดาษเหลือใช้มาทำแทนการซื้อกระดาษใหม่ ๆ เอ่อ .... อันนี้เหมาะมาก ๆ สำหรับบรรดาคุณแม่ที่จะเสนอแนวคิดนี้เวลามีประชุมผู้ปกครองนะคะ เพราะว่าการทำงานฝีมือ ไม่จำเป็นต้องใช้แต่กระดาษใหม่ ๆ สวย ๆ เพียงอย่างเดียว ใช้กระดาษเก่า ๆ แต่เพิ่มรายละเอียด ใส่ความสร้างสรรค์ลงไปเท่านี้งานก็ออกมาเก๋ได้แล้วค่ะ 


อย่าลืมนะคะ ว่ากว่าจะได้กระดาษหนึ่งแผ่นนั้นเราก็เสียต้นไม้เพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นวิธีการไหนที่จะช่วยกันประหยัดได้ก็ควรทำนะคะ เพื่อโลกของเรา เพื่อสังคมของเรา และเพื่อตัวเราเองค่ะ